วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

16/11/53 Understanding and Managing Information Technologies

  • Mary Kay  เป็นตัวอย่างบริษัทที่ใช้ระบบ IT อย่างครบวงจร  Mary kay เป็นบริษัทขายตรงเครื่องสำอาง ไม่มี counter เหมือนเครื่องสำอางค์ทั่วๆไปในห้างสรรพสินค้า คล้ายคลึงกับ mistine ของบ้านเรา พนักงานจะทำการขายสินค้าตามบ้าน ดังนั้นเวลาสมาชิกMary Kay จะขายสินค้าก็จำเป็นต้องสั่งซื้อสินค้ามา Stock เก็บไว้ก่อนแล้วค่อยส่งของให้ลูกค้า  จึงมักเกิดปัญหาสินค้าตกค้าง บริษัทจึงเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้ในบริษัทมาช่วยบริหารจัดการเพื่อให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ช่องทาง social media มาร่วมในการสร้าง relationship กับลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขาย
  • ดังนั้น IT จึงมีบทบาทต่อทุกหน่วยงานในองค์กร และบริษัทควรนำ IT มาปรับใช้ให้เข้ากับ process ขององค์กรแต่ละองค์กรอย่างเหมาะสม
  • ประโยชน์ของ IS
1. ทำให้ระบบในองค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนการผลิต การขาย การตลาด การบัญชี การเงิน หรือแม้กระทั่งการจัดการทรัพยากรมนุษย์
2. IS ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ในการสั่งของ ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ก็ต้องมีการเช็คเครดิตของลูกค้าก่อนมีการอนุมัติ เช่น เวลาไปซื้อของที่ห้าง เค้าก็จะเช็คดูว่า สเปคสินค้าที่ต้องการนั้นมีรึป่าว ก็ต้องมีการเช็คจากในระบบ
3. ช่วยให้การทำงานดีขึ้น มีแนวคิดในการทำธุรกิจแบบใหม่ๆ
  •   ชนิดของ IS (Level of IS)
1.               Personal and Productivity system  คือ ระบบ IS ที่คอยช่วยในแง่ของตัวบุคคล เช่น โทรศัพท์มือถือ BB ใช้ Chat ในการติดต่อเพื่อธุรกิจ
2.               Transaction processing system (TPS) คือ ระบบที่จะคอยดู transaction ทั้งหมดในองค์กร จะคอยดูแลและบันทึกการเปลี่ยนแปลงจาก point to point เช่น การซื้อสินค้า จากpoint A ไป B ก็จะมีการบันทึก
3.               Functional and management systems คือ ระบบ IS ที่ใช้ในแต่ละหน่วยงานของตัวเองโดยไม่เชื่อมกับหน่วยงานอื่น เนื่องจาก ข้อมูลเป็นความลับ ราคาหรือเพราะระบบที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นมีราคาแพง
4.               ERP คือ ระบบที่สามารถเชื่อมทุกหน่วยงานในองค์กรได้ หรือแม้กระทั่งเชื่อมโยงกับ supplier หรือ ลูกค้า เช่น SAP Oracle
5.               Interrogational system (IOS) เชื่อมของหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจจะอยู่ต่างสาขา ต่างประเทศ เช่น เอาไว้ติดต่อกับสาขาแม่ที่เมืองนอก
6.   Global system เอาไว้ใช้ติดต่อกันทั่วโลก
7.   Very large and Special system คือ ระบบที่เอาไว้ติดต่อกับองค์กรทั้งใหญ่จนถึงองค์กรเล็กๆทั่วโลก เป็นระบบที่ค่อนข้างใหญ่ ถ้าระบบนี้มีปัญหาจะให้เกิดความเสียหายได้เช่น Amadeus Saber ระบบจองตั๋วเครื่องบิน จองทัวร์

  •  ประเภทของ IS
1.               TPS >> เป็นพื้นฐานที่ทุกองค์กรใช้กัน คือไม่ว่าจะมีไรเกิดขึ้นในองค์กรก็จะมีการบันทึกไว้ เช่น payroll เป็นระบบที่มีความสำคัญที่สุดในองค์กรเลยก็ว่าได้ เช่นใช้ในด้านบัญชี  ใช้ในด้าน HR ว่าพนักงานมาทำงานกี่วัน กี่โมง จะได้ใช้ในการคิดเงินเดือน ต้องมีการเก็บไฟล์ไว้ เนื่องจาก ใช้ดูข้อมูลในอดีตเพื่อใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ TPS จะทำการบันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้นในองค์กรแล้วส่งไปให้ MIS ดังนั้นถ้าเกิดความผิดพลาดใน TPS ก็จะทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกโซ่ในองค์กร คือ output ที่ได้ออกมาก็ผิดพลาด หรือเรียกได้ว่า garbage in garbage out เช่น สรรพากรบันทึกการเก็บภาษีผิด ทำให้การวางแผนการใช้จ่าย (Budget) ผิดไป ดังนั้นต้องป้องกันให้ดี
2.               Management info system (MIS) >> เป็นระบบที่ใช้กับผู้บริหารระดับกลาง ไม่ใช่ระดับสาขา ไว้ใช้ในการตัดสินใจ เช่น ผู้จัดการระดับเขต ต้องการข้อมูลยอดขายของแต่ละสาขา เพื่อใช้ในการตัดสินใจกำหนดเป้าหมายการจัดการต่อไป
3.               Decision support systems (DSS) >> เป็นระบบที่ใช้กับผู้บริหารระดับกลาง ช่วยในการตัดสินใจ โดยเอาข้อมูลภายนอกมาร่วมในการตัดสินใจ ช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจในสิ่งที่ไม่สามารถดูด้วยได้ตาเปล่า ต้องเอาหลักสถิติมาเกี่ยวข้อง มักใช้กับ non-routine decision making  เช่น บริษัทเดินเรือ ต้องดูว่าจะต้องใช้เชื้อเพลิงเท่าไร จอดที่พอร์ตไหนบ้าง ต้องส่งของอย่างไร มีเส้นทางการขนส่งไงบ้างเพื่อทำให้ต้นทุนต่ำสุด
4.               GDSS (Group Decision support systems) >> ถ้าข้อมูลพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าจอ ที่มือถือก็จะช่วยลดข้ออ้างการเข้าถึงข้อมูลได้ ทำให้ตัดสินใจดีขึ้น
5.               Executive support systems (ESS) >> ใช้กับผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น โดยมักรวบรวมข้อมูลจากภายนอกองค์กรเข้ามาด้วย โดยระบบสามารถเปลี่ยนแปลง (มีdashboard) และเปรียบเทียบได้ตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆได้

ฐิตยาภรณ์ ธีรานุวรรตน์ 5202115381

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น